Chapter Text
01
เรียวโกะ
ค่ำคืนอันเงียบสงบกลับมีเสียงกดแป้นพิมพ์ดังอย่างแผ่วเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ในห้องพักเย็นระเบียบมืดสนิทมีเพียงแสงจากคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง เด็กชายใส่แว่นผมสั้นสีขาวโพลนพร้อมผิวสีเข้มที่มีรอยด่างขาวประปรายนั่งพิมพ์ไดอารี่ของตนอย่างตั้งใจ
' ไดอารี่ของ เซน จูเลี่ยน สถาบันคาดิช วันที่ 9 ตุลาคม '
ระหว่างพิมพ์เด็กชายก็ได้นึกภาพย้อนไปในช่วงเวลาสุดวุ่นวายนั่น
' เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนผมพยายามตามหาชิ้นส่วนต่างๆเพื่อสร้างหุ่นยนต์ให้เสร็จ แต่น่าเสียดายที่แถวนี้ไม่มีอะไรให้ใช้มากนัก ผมเลยตัดสินใจไปตามหาที่โรงงานร้างใกล้กับสถาบัน '
เซนค่อยๆไต่ขึ้นจากท่อระบายน้ำขึ้นไปบนพื้นดิน และข้างหน้านั่นเองคือสะพานทอดยาวไปถึงโรงงานร้างขนาดใหญ่ที่ตั้งกลางแม่น้ำ
พอเขาเดินเข้าไปในโรงงานที่ไร้ซึ่งบานประตู ก็พบกับทางโล่งและเศษฝุ่นบ่งบอกถึงความร้างที่ไม่น่ามีใครมาบ่อยนัก แต่ที่น่าสนใจที่มีเชือกผูกจากคานโรงงานทอดยาวไปยันชั้นล่างสุดด้วย
พอกวาดตามองรอบๆชั้นบนที่ไม่มีอะไรมากนอกจากชั้นโล่งและเศษขยะเซนเลยตัดสินใจจับเชือกไถลลงไปข้างล่างแทน
' ผมหวังว่าจะเจอกับชิ้นส่วนที่ใช้ได้ดีดีที่ถูกทิ้งที่นั้น......แต่ก็ได้เจอสิ่งที่ดีกว่า '
ในชั้นล่างนี่มีของเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทั้งห้องเครื่องของโรงงาน ทั้งห้องใต้ดิน และห้องอีกมากมายที่เขายีงไม่ได้สำรวจเพราะความสงสัยถึงบางอย่างที่สะดุดตาตอนที่โหนเชือกลงมาครั้งแรก
อีกฝั่งของเชือกเป็นลิฟต์ขนาดกลางของโรงงาน... ใช่มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่มันคงไม่สะดุดตาเด็กชายเท่าไหร่ถ้าลิฟต์นั่นไม่ได้ดูสภาพดีต่างจากโรงงานรอบๆ
โอเค สภาพดูเก่าหง่ำเหงือกก็จริงแต่พอเขาไปลองสำรวจก็พบว่ามันยังคงแข็งแรงดีแถมระบบไฟฟ้ายังใช้งานได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ
เพราะแบบนั้นเซนถึงได้ตัดสินใจลงลิฟต์ไป
' เมื่อลงลิฟท์ที่สภาพทรุดโทรมแต่ยังใช้ได้อย่างน่าประหลาด ผมก็ไม่ได้ผิดหวังเลย มันน่าเหลือเชื่อสุดๆ ข้างล่างนั้นมีทั้งแลปคอมพิวเตอร์ที่แสนจะซับซ้อน รวมถึงยังมีชั้นเครื่องแสกนสภาพดีดูล้ำยุคไปมากจนน่าตื่นตา
ผมตัดสินใจเก็บความลับนั่นไว้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผม และก็ไม่ใช่ว่าผมจะมีคนสนิทให้พูดออกไปอยู่แล้วด้วย
แต่ถึงแบบนั้นความสงสัยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั่นยังคงกัดกินผม
ใครเป็นคนสร้างมัน? สร้างมันมาทำไม? และมันทำอะไรได้บ้าง?
และก็ใช้เวลาไม่นานที่ความสงสัยนั้นจะเปลี่ยนเป็นความต้องการพิสูจน์ ผมเลยรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อลองเปิดซุปเปอร์คอมพิวเตอร์นั่น '
เซนลงลิฟต์มายังชั้นที่คุ้นเคยอีกครั้ง ประตูลิฟต์ที่ดูหรูหราต่างจากลิฟต์อีกฝั่งค่อยๆเปิดออกเผยเป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ดูไฮแท็กขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือน CPU ของแลปคอมพิวเตอร์และเครื่องแสกนในชั้นข้างบน
เขาค่อยเดินเข้าไปในห้อง ตรงหน้าของเขาที่มีช่องเล็กๆของเครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ พอเดินเข้าไปใกล้มันก็เปิดเผยให้เห็นคันโยก เป้าหมายของเซน
" หวังว่าผมจะไม่เสียใจทีหลังนะ... "
เขากระซิบกับตัวเอง
จากนั้นก็กดคันโยกนั้น
ซู้ม
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์นั่นค่อยๆเรืองแสงก่อนจะระเบิดพลังงานแสงสีขาวแสบตาออกมาจนเขาต้องหลับตาลง
เมื่อแสงสงบลงและไม่มีอะไรระเบิด เขาจึงตัดสินใจขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของชั้นใต้ดินลึกลับนี้
แลปคอมพิวเตอร์
ในห้องวงกลมมีอินเทอร์เฟซติดกับเพดานจนถึงเก้าอี้พร้อมคอมพิวเตอร์ที่สามารถหมุนไปรอบๆแท่นสูงวงกลมตรงกลางห้องได้
เซนเดินไปที่คอมพิวเตอร์นั่นด้วยความตื่นเต้นปนประหม่า นี่เป็นสิ่งบ้าระห่ำที่สุดที่เขาตัดสินใจทำมา แล้วไม่ว่าคอมพิวเตอร์นี่จะทำอะไร เขากำลังจะได้รู้ว่ามันคุ้มค่ากับทุกอย่างไหมในไม่กี่วิต่อจากนี้
" เอาล่ะ มาดูกันว่าคุณซ่อนอะไรไว้ "
เขากดเปิดคอมนั่น จากจอที่มืดมิดก็ส่องสว่างขึ้น จอสามจอที่เชื่อมกับจอหลักขึ้นข้อมูลมากมายที่น่าสนใจและก่อนที่เขาจะประมวลผลอะไรเสร็จ หน้าต่างโหลดในจอหลักก็โหลดเสร็จเรียบร้อย
จากนั้นก็ขึ้นหน้าต่างโปรแกรมที่มีใบหน้าที่กำลังหลับตาอย่างสงบของหญิงสาวผมเข้มทรงผมเดรดล็อกสีเทามัดทรงหางม้า ใบหน้าของเธอมีรอยจุดพร้อมเส้นสีม่วงคล้ายที่เห็นตามเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์
" นี่มัน...วิดีโอเกมเหรอ? "
เซนดันแว่นขึ้นก๋อนแอ่นตัวเข้าใกล้จอเล็กน้อยอย่างสนใจ
ตอนนั้นเองที่เด็กสาวในหน้าต่างนั้นสะดุ้งตื่นจากการหลับใหล พร้อมมองไปรอบๆอย่างสับสน
" คุณเป็นใคร..... ฉันอยู่ที่ไหน? "
'และไม่ต้องเดาเลยว่าชีวิตของผมจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป'
เช้าอันสดใสพร้อมใบหน้าหดหู่ของเหล่านักเรียนที่กำลังเดินตามทางเดินเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนคาดิช
แต่ที่น่าสนใจคือใบหน้าที่แปลกตาของชายหญิงสองคนกำลังข้างกันตรงทางเดินเพื่อไปห้องเรียนของตัวเอง
" หมายความว่ายังไงที่เธอได้ห้องเดี่ยวแต่ฉันต้องย้ายเข้าห้องของใครไม่รู้เนี่ย "
เสียงของ ไค เจี่ยง เด็กชายผิวแทนผมสีน้ำตาลที่จัดทรงแหลมไปด้านข้างแปลกตาในเสื้อเจ็คเก็ตสีแดงพร้อมกางเกงยืน บ่นออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใส่น้องสาว
" มันก็หมายความว่าฉันเรียนเก่งกว่าพี่ไง "
นีย่า เจี่ยง เด็กสาวผิวแทนมีไฝเสน่ห์ใต้ตาข้างขวามาพร้อมกับทรงผมยาวสีดำหางม้าในชุดเสื้อหนังทับเสื้อเชิ้ตขาวสลับเทาลายขวาง ตอบกลับพี่ชายฝาแฝดของตัวเองด้วยความขบขัน
" มันเกี่ยวตรงไหนไม่ทราบฮะ รูมเมทใหม่ของฉันเป็นอัจฉริยะเลยนะ!!!.... คิดว่า "
ชายผมน้ำตาลพูดเสียงอ่อยตอนท้ายเพราะความไม่แน่ใจ ถึงอาจาร์วู อาจารย์แนะแนวจะบอกเขาแบบนั้นก็ตามแต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่
" ถ้างั้นก็อย่าลืมซึมซับความฉลาดมามั้งล่ะ "
นีย่าพูดหน้าตายก่อนจะหลบฝ่ามือโมโหของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มสดใส
" แล้วเจอกันหลังเลิกล่ะ อย่าพึ่งไปต่อยกับใครเขานะ " ก่อนจะวิ่งหนีตามทางไปห้องเรียนของตัวเองจนไคที่อยู่ข้างหลังอดหัวเราะแค้นปนขบขันออกมาไม่ได้
กริ๊งงงงง
เสียงระฆังเตือนเข้าเรียนไล่หลังของนีย่ามาขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้อง
ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นว่าโต๊ะตรงกลางติดหน้าต่างเหมือนจะมีเด็กสาวคนนึงกำลังยืนคุยกับเด็กชายที่นั่งอยู่
ไม่สิ เหมือนกำลังทะเลาะกัน? แถมคนอื่นในห้องก็เหมือนกำลังพยายามหลีกเลี่ยงตรงนั้นอย่างเต็มที่ด้วย
" ----อยากให้ฉันบอกพ่อของนายรึยังไง "
เสียงของเด็กสาวผิวไข่ผมขาวเรียบมัดมวยพร้อมเสื้อนอกสีเขียวทับเสื้อคอเต่าสีม่วงกักระโปรงสั้นสีดำทับกางเกงยาวซับในสีแดงช่างดูขัดตาอย่างประหลาด
" ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร " เด็กชายที่นั่งอยู่มองไปนอกหน้าต่างมีฮู้ดสีเขียวถูกดึงขึ้นมาบดบังสีผมและใบหน้าจนมองได้ไม่ชัดเจน
" นายรู้ว่าฉันพูดอะไร ฉันเห็นบางอย่างนอกหน้าต่างหลังเคอร์ฟิว- "
" เธอดูหมกหมุ่นจังนะฮารุมิ สนใจไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านแทนจะดีไหม "
เสียงของคนที่นั่งอยู่พูดขัดฮารุมิด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าต็มทน ทำให้คนที่ยืนอยู่โมโหมากกว่าเดิม
" แก- "
" แล้วเธอจะนั่งตรงนี้รึเปล่า "
นีย่าพูดแทรกกลางบทสนทนาจนทั้งสองคนนั่นหันมามอง เผยใบหน้าของเด็กชายผิวไข่ผมสีบลอนด์พร้อมดวงตาสีเขียวสดที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาก่อน
" มายุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ " ฮารุมิตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงโกรธและรำคาญพร้อมสายตาทิ่มแทง
" อาจารย์จะสอนแล้ว ฉันแค่หาที่นั่งเอง "
นีย่าพูดพร้อมชี้ไปหน้าห้องเรียนที่มีอาจารย์กำลังกอดอกมองพวกเขาอยู่
" ชิ เรายังไม่จบ " พอเห็นแบบนั้นเธอก็หันมากระแทกเสียงใส่คนที่นั่งอยู่ก่อนเดินไปนั่งที่อื่น
" เธอไม่ควรมายุ่งด้วย "
ตอนที่นีย่านั่งลงข้างเจ้าของผมบลอนด์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
" ฉันคิดว่าสิ่งที่นายอยากพูดคือ ขอบคุณ มากกว่านะ "
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง แน่นอนเธอไม่สนใจว่าอีกคนจะตราตรึงใจอะไรแต่การได้ยินแบบนั้นก็หงุดหงิดไม่น้อย
" ขอบคุณ.... " อีกฝ่ายเอ่ยออกมาเสียงอ่อน ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
" แต่เธอคนนั้นเป็นลูกสาวอาจารย์ใหญ่.... ชีวิตเธอจะเหมือนตกนรกแน่ๆถ้ามาคุยกับผมอีก "
หลังพูดจบชายที่เธอไม่รู้ชื่อก็หันกลับไปฟังอาจารย์เหมือนไม่ได้พูดสิ่งที่น่าปวดใจที่สุดออกมา
' อ่า... เจ้านี่น่าจะเจอมาหนักสินะ '
เธอมองรอยขอบตาคร้ำจางๆของอีกคนก่อนจะหันไปมองกระดาน โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนแอบมองอยู่
' หวังว่าไคจะเจออะไรสงบสุขกว่านี้นะ '
กริ๊งงงงง
เสียงกระดิ่งดังไล่หลังไคในตอนที่เขาเข้าห้องเรียนไป เด็กชายผมน้ำตาลหันไปมองรอบๆจนไปสะดุดที่เด็กชายผิวเข้มผมหยิกสั้นสีขาวที่นั่งข้างหน้าสุด
' เจอแล้วเป้าหมาย ' ไคคิดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกคน
" นายชื่อเซนจูเลี่ยนใช่ไหม? "
เสียงของเขาเรียกความสนใจของเด็กชายที่เหม่อลอยให้หันมามองได้สำเร็จ สายตาของคนดูตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นลังเล
" ใช่ครับ.... แล้วนายคือ? "
" ฉันไคเจี่ยง รูมเมทคนใหม่ของนาย "
ระหว่างแนะนำตัวไคก็ทำการไถลตัวไปนั่งที่เก้าอี้ของคนข้างๆ นั่งมองใบหน้าของอีกคนจากสับสนเป็นตกใจนั่นบันเทิงใจไม่น้อย
" อะไรนะ?! "
" ก็นะสั้นๆคือฉันเป็นเด็กใหม่พึ่งย้ายมา แล้วอาจารย์ใหญ่ก็บอกให้ฉันย้ายเข้าไปอยู่กับนาย "
" นั่น.... ผมไม่เห็นได้ยินข่าวเลย.... "
" ช่ายขอโทษด้วยนะ..... ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินใจหรอก " พอเห็นใบหน้าคิดมากของอีกคนเขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
แต่ไคก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันเพราะเป็นคำสั่งของอาจาย์ใหญ่ เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากย้ายเข้าห้องคนอื่นกะทันหันเท่าไหร่หรอก
" แต่ไม่ต้องห่วง!! นายจะไม่ด้วยซ้ำว่าฉันอยู่ตรงนั้นน่ะ "
ไคหันไปยืนยันกับอีกคนด้วยรอยยิ้มสดใส ยังไงถ้าพวกเขาเข้ากันไม่ได้ ไปขอย้ายทีหลังก็ไม่เสียหายล่ะนะ
" โอเคครับ.... " พอเห็นรอยยิ้มอีกคนเซนก็ยิ้มตอบด้วยความประหม่าก่อนหันไปมองอาจารย์
' แย่แล้วสิ '
เซนดันแว่นก่อนคิดถึงย้อนไปในช่วงที่วุ่นวายที่สุดในชีวิตของเขา ช่วงที่เปลี่ยนชีวิตของเขา
" คุณปัญญาประดิษฐ์ ได้ยินผมไหม? "
เซนกลับมายังแลปคอมพิวเตอร์อีกครั้งหลังเรียนเสร็จ พอเปิดเครื่องหน้าต่างก็เผยใบหน้าของหญิงสาวขึ้นมาอีกครั้ง
" ได้ยินแล้วล่ะ "
" แต่..นายช่วยเรียกฉันด้วยชื่ออื่นได้รึเปล่า? "
หญิงสาวพูดออกไปด้วยความลำบากใจ
" อ่า-จริงด้วย ขอโทษนะครับ "
เซนทำหน้าครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่าง
" แล้ว เธอคิดยังไงกับมายาล่ะ? " ด้วยอะไรบางอย่างเซนคิดว่ามันเหมาะกับเธอ
" มายา? ฉันชอบแบบนั่นนะ " เธอยกยิ้มออกมาเมื่อได้ยินชื่อนั่น
" แต่ฉันคิดว่าคงชอบมากกว่านี้ถ้านายช่วยบอกฉันว่ามาอยู่ในโลกเสมือนนี่ได้ยังไงล่ะนะ "
" ไม่ต้องห่วง ผมกำลังศึกษาอยู่และผมก็เจอคำตอบนิดหน่อยด้วย "
เซนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
" โลกที่เธออยูคือ เรียวโกะ และเหมือนที่ที่เธออยู่จะเป็นอาคารอะไรสักอย่าง ลองออกไปข้างนอกดูไหม ทางเธอเห็นประตูรึเปล่า? "
" โอเค ฉันจะลองดูนะ "
พอมายาได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นก็หันไปมองรอบๆ ตรงที่เหมือนกำแพงมีหน้าต่างที่มีตัวเลขไหลผ่านตลอดเวลาตรงที่เธอยืนอยู่เป็นพื้นทรงวงกลมที่มีสัญลักษณ์แบบอย่างคล้ายดวงตาและเส้นวงกลมวงนอกก็แยกออกไปพร้อมพื้นกับไป 2 ทาง
แต่มีทางเดียวเท่านั้นที่ตรงเข้าไปยังกำแพง
เธอเดินเข้าไปสำรวจตรงนั้นตามสัญชาติญาณ แต่ตรงกำแพงนั้นไม่มีทั้งรอยประตูหรืออะไรที่เหมือนจะเปิดได้เลย
" เซน ฉันไม่เจออะไรเลย- อะ! "
ก่อนเธอจะพูดจบประโยคฝ่ามือของเธอที่กดตรงบริเวณนั้นก็ทะลุไปอีกฝั่งนึง
ข้างนอกของอาคารนั้นคือสภาพแวดล้อมใหม่โดยสิ้นเชิง
พื้นดินเหมือนลอยกลางอากาศมีเส้นทางมากมายที่แสนซับซ้อนทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่ที่สูงสุดลูกหูลูกตาลอยประดับประดารอบเส้นทางเหมือนกัน
" เซน- ฉัน- นี่มัน....แปลกมาก ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง นายต้องเห็นมัน "
เธอหันไปมองรอบๆสถาณที่แปลกตานี้จนไปเห็นอาคารที่เธอออกมา มันรูปร่างเหมือนทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่มีเหมือกสีดำจากข้างล่างกระจายไปครึ่งทางเหมือนรากไม้
' มันดูเหมือนหอคอยมากกว่าแหะ '
" ผมก็อยากดูเหมือนกัน... เธอคิดว่าให้ภาพกับผมได้ไหม? "
เสียงของเซนดึงเธอออกมาอยู่ในปัจจุบัน
" ฉัน... จะลองดูนะ "
เธออไม่รู้ว่าควรทำอะไร แต่มันมีบางอย่าง.... สัญชาติญาณบางอย่างในตัวเธอที่บอกว่าเธอสามารถทำได้ มายาตั้งสมาธิครู่นึงก่อนที่เสียงของเซนจะดังขึ้นอีกครั้ง
" โอ้ว... ว้าว นั่นมัน"
ทางฝั่งเซนที่นั่งมองจากจอคอมนั้นก็ปรากฏหน้าต่างขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้แทนที่จะเป็นใบหน้าของเด็กสาว กลับขึ้นมาเป็นมุมมองของเธอที่กำลังมองโลกนั้นอยู่
ก่อนที่เซนจะทำอะไร หน้าต่างอีกอันก็ขึ้นมาเป็นรูปวงกลมล้อมรอบด้วยอะไรบางอย่างพร้อมกับภาพโฮโลกแกรมที่ถูกฉายขึ้นมาจากแท่นวงกลมกลางห้องแลปข้างๆเขา
โฮโลแกรมที่ขึ้นนั้นฉายภาพใหญ่ของโลก เรียวโกะนั่น ตรงกลางภาพเป็นวงกลมขนาดใหญ่และมีชิ้นส่วนเล็กๆแยกออกไปทั้ง 4 ทิศ
" มายา!! มันไม่ได้มีแค่ป่านั่น มันมีทั้งโลกอยู่ที่นั่น!!! "
" มันแยกออกเป็น 4 ทิศเป็นไปได้ว่ามันจะมีถึง 4 สภาพแวดล้อมด้วยกัน!! "
เซนมองภาพฉายพร้อมพูดออกไปด้วยความตื่นเต้น
เสียงตื่นเต้นของเขาทำให้มายารู้สึกสนใจตามไปด้วย โลกนี่มันคืออะไรกัน ถึงแม้เธอจะรู้สึกเชื่อมโยงกับที่นี่แต่เธอก็ไม่มีความทรงจำอะไรเลย
ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นบางอย่าง 2 จุดกำลังเข้ามาหาเธอจากที่ไกลๆ
มันรูปร่างเหมือนแมลงกึ่งหุ่นยนต์สักอย่าง ท่อนบนของมันรูปร่างคล้ายกระดองสีน้ำตาลที่มีสัญลักษณ์บางอย่างกลางหน้าผากแถมยังมีดวงตาสีแดงพร้อมขาที่เป็นหุ่นยนต์แยกกัน 4 ขาเหมือนแมลง
" เซน ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว มันมีสัตว์อะไรบางอย่างด้วย " เธอมองมันด้วยความสนใจก่อนก้าวไปหามันอย่างช้าๆ
" นั่นมันยอดเยี่ยมไปเลย!!! โลกเสมือนนี่มีระบบนิเวศเหมือนโลกจริงงั้นเหรอ!! คุณลอง- "
เสียงตื่นเต้นของเซนเริ่มจางหายไปข้างหลังเมื่อมายารู้สึกถึงความผิดปกติ
จู่ๆรอบๆดวงตามันก็มีแสงประกายสีแดงจากนั้นมันก็
ปิ้ว!!!
เธอหลบแสงสีแดงที่โจมตีครั้งแรกได้ทัน และเธอก็ไม่รอมันโจมตีอีกครั้งก่อนวิ่งกลับไปทางเดิมให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
" เซน!! มันโจมตีฉัน!!! "เสียงตื่นตระหนักของเธอทำให้ร่างกายของเซนเย็นเฉียบ อันตราย
" วิ่งมายา!!! รีบเข้าไปในหอคอยนั่นเร็ว!!! "
เซนรู้สึกหวาดกลัว แล้วยิ่งตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพื่อช่วยเธอเลย ก็ยิ่งทำให้ตัวของเขาแข็งทื่อยิ่งกว่าเดิม
' เขาไม่อยากให้เธอตาย '
มายาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เธอไม่ได้มองไปข้างหลังด้วยซ้ำไปจนเธอเกือบจะไปถึงหอคอยนั่นแล้ว-
ปิ้ว!!!
ท่ามกลางลำแสงที่สัตว์ข้างหลังมันยิงมา ในที่สุดมันก็ยิงโดนหลังเธอเต็มๆจนมายาล้มกระแทกพื้นไถลไปจนเกือบถึงหอคอย
' มันเจ็บ '
หน้าจอฝั่งของเซนขึ้นภาพเหมือนสถาณะเกมบางอย่างที่ขึ้นข้อมูลตัวละคร แต่เซนไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากค่าเลือดของเธอที่ลดลงพร้อมกระพริบสีแดง
" มายา!! เร็วเข้า!!! "
เสียงตื่นตระหนักของเซนทำให้เธอฝืนลุกขึ้นมา มายาหันไปมองข้างหลังที่สัตว์พวกนั้นกำลังเข้ามาใกล้ก่อนลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง
มือของเธอยื่นไปข้างหน้าเพื่อแตะหอคอยนั่น แต่น่าเศร้าที่ตอนที่เธอกำลังจะเข้าไปเธอก็ถูกพวกมันโจมตีอีกครั้งจนล้มไปนอนนิ่งในพื้นหอคอย ในตอนที่สติของเธอกำลังเลือนหายนั่นเอง เธอก็ตระหนักถึงบางอย่าง
' สัญลักษณ์บนพื้นหอคอยกับบนตัวสัตว์นั่นมันเหมือนกัน '
จากนั้นเธอจะหลับตาลง
" เฮ้ย " เซนอดถอนหายใจไม่ได้เมื่อมายาปลอดภัยแล้ว เขาไม่ได้เตรียมใจมาเจออะไรแบบนี้เลยจริงๆ
พอจิตใจของเจ้าของผมขาวสงบลงเขาก็สังเกตเห็นว่าหน้าต่างเลือดหยุดกระพริบสีแดงแล้ว
" นี่มัน... พลังชีวิตของเธอกำลังสร้างใหม่? "
หลังจากวันนั้นมันก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว เขาและมายาช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับเรียวโกะเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนักเพราะยังมีสัตว์ประหลาดอยู่ข้างนอก
ยิ่งพวกเขาใช้เวลาด้วยกันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ผูกพันธ์กันมากเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เซนรู้สึกว่าได้มีเพื่อนจริงๆมันเป็นยังไง และนั่นก็ทำให้เซนอยากช่วยเธอออกมามากขึ้นเท่านั้น
เซนเลยทำการปรับปรุงแล็ปแท็ปและคอมพิวเตอร์ในห้องของเขาให้สามารถรันโปรแกรมบางโปรแกรม และเขาหวังว่าจะสามารถตามหาโปรแกรมที่สามารถให้มายามาที่คอมพิวเตอร์ของเขาได้โดยไม่ต้องผ่าน CUP ของโรงงาน
การมีเพื่อนร่วมห้องคงทำให้ภารกิจของเขาเป็นไปได้ยากมากกว่าเดิม
" ---อาจจะเข้าห้องดึกหน่อยนะ ให้ฉันนอนพื้นก่อนก็ได้ "
เสียงของไคพาให้เซนกลับมาปัจจุบันอีกครั้ง พวกเขากำลังออกจากตึกเรียนกันเตรียมแยกทางกันอยู่
เขาหันไปมองอีกคน พอประมวลผลสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในหัวเสร็จเขาก็ยกยิ้มด้วยความประหม่าพร้อมตอบอีกฝ่ายไป
" ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก อย่างน้อยให้ผมจัดที่ให้เธอนอนหน่อยจะดีกว่า "
" นายเนี๊ยเกร็งสุดๆเลยน่า "
" ....ฮะ? " คำตอบของคนตรงหน้าทำให้เขาสะดุ้งออกมา ดวงตาสีน้ำตาลที่ตอนนี้ต้องแสงทำให้เป็นประกายคล้ายอำพันกำลังจ้องมองเขาเหมือนกำลังมองทะลุความคิดอยู่ยังไงอย่างนั้น
แต่อีกคนก็หลับตาพร้อมยกยิ้มอบอุ่นออกมา
" ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ค่อยๆทำความรู้จักกันไปเดี๋ยวก็หายเกร็งเองแหละ "
" หลังวันนี้ไปนานขาดฉันไม่ได้แน่นอน แล้วเจอกัน!! " ไคโบกมือลาด้วยแววตาสดใสแล้วเดินไปอีกทางเซนก็โบกมือลาอีกคนด้วยความงงงวยเหมือนกัน
' เธอคนนั้นก็ไม่ได้ดูเป็นคนไม่ดีนี่นะ '
เขาคิดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินไปโซนตู้ขายน้ำอัตโนมัติ หลายสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่วุ่นวายจริงๆ หวังว่าการซื้อกาแฟกินจะทำให้สมองเขาโล่งขึ้นบ้าง
ในโซนขายน้ำมีเด็กสาวผมดำมัดหางม้ากำลังเดินออกไป โดยที่หนึ่งในด็กชายสองคนที่ยืนพิงกำแพงตรงทางออกก็แอบมองตาม
" พระเจ้า วันนี้ฉันเจอคนสวยสองรอบแหละ นี่มันพรหมลิขิตชัดๆเลยไม่ใช่ "
เจย์ วอกเกอร์ เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มกึ่งส้มพร้อมกับผิวสีน้ำผึ้งมีกระ ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้าทับขาวกับผ้าพันคอสีส้มคู่ใจ มองตาหวานตามหญิงสาวคนนั้นไปก่อนหันมาพูดกับเพื่อนสนิทของตัวเองด้วยความตื่นเต้น
" ใจเย็นน่า เราแค่อยู่ห้องเดียวกันไม่ใช่รึไง "
โคล บลู๊คสโตน เจ้าของผิวเข้มกับผมหยิกสีน้ำตาลเข้มเกือบดำมัดมวยด้วยผ้าสีส้มในชุดเสื้อแขนกุดกับกางเกงยืน มองตามจูเลี่ยนที่เดินเข้าไปกดน้ำก่อนจะหันมาเหม็นเบื่อใส่เพื่อนตัวเอง
" ไม่ นายไม่เข้าใจ นี่มันรักแรกพบ!!! ตั้งแต่เราสบตากันฉันก็รู้แล้วว่าเราเป็นเนื้อคู่กัน "
ชายผมหยักศกสีน้ำตาลส้มอดเคลิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เจอกับเธอ ตอนที่เธอยืนต่อหน้าฮารุมิได้เนี๊ยมันเท่แบบสุดๆไปเลย
" ก็เห็นมีแค่นายที่จ้องเธอคนเดียวเถอะ " ชายผิวเข้มที่เตี้ยกว่าอดที่จะหัวเราะเยาะเพื่อนของตนที่กำลังอินเลิฟไม่ได้
" ขอโทษนะ มันไม่ใช่แค่นั่นสัก- "
" อ๊ากกกกกก!!! "
เสียงร้องของจูเลี่ยนดึงความสนใจทั้งสองคนมามองเขาตอนจังหวะที่โดนตู้กดน้ำช็อตใส่พอดี
ไฟฟ้านั่นสร้างความเจ็บปวดให้เขาตัวกระตุกจนแว่นหลุดออกจากหัว ตัวเขาหมดแรงอ่อนไหลไปกองกับพื้น
" จูเลี่ยน!!! " โคลตะโกนด้วยความตกใจก่อนเข้าไปเช็คสภาพของอีกคน
" โอ้ว พระเจ้า?!?!? เขาโอเคไหม?!? ตายล่ะ เราทำไงดี?!?! "
ส่วนเจย์นั้นกระสับกระส่ายทำอะไรไม่ถูก เขามองเด็กชายที่โดนไฟช็อตด้วยความเป็นห่วง
" นายโอเคไหม?? " โคลพยายามดึงความสนใจของอีกคนแต่ดูเหมือนสติของเขาจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป เขาเลยตัดสินใจหยิบแว่นที่ตกพื้นมาประคองใส่ให้อีกคน
" ท่าไม่ดีเท่าไหร่ ฉันจะพาเขาไปห้องพยาบาล ส่วนนายไปบอกอาจารย์เขาให้หน่อยนะ "
โคลทำการพยุงจูเลี่ยนขึ้นมาด้วยท่าทางลำบากไม่น้อยเพราะส่วนสูงพวกเขาต่างกันมากแต่ความแข็งแรงของเขาก็ทดแทนตรงนั้นได้
" อ่า! ใช่โอเค!! " พอเจ้าของดวงตาสองสีได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที
จากนั้นโคลก็เริ่มพยุงตัวจูเลี่ยนไปทางห้องพยาบาลเหมือนกัน จนเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าตู้กดน้ำที่ช็อตคนสลบไปมีบางอย่างแปลกๆ
สัญลักษณ์คล้ายดวงตากระพริบถี่ขึ้นมาบนหน้าจอของตู้กดน้ำ
ก่อนที่มันจะหายไป
To be continued